วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

บทที่ 3

บทที่ 3
วิธีการดำเนินงานของโครงการ
โครงการพัฒนา Infographic เรื่อง วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์ได้อุปกรณ์และวิธีการดำเนินงานของโครงการดังต่อไปนี้          1. เตรียมวัสดุและอุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูล
          2. วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์          3. วิธีการระบายสีตุ๊กตากุมารทอง          4. วิธีการพัฒนา Infographic จากการใช้ Web blog ของ Google5. ประชาการและกลุ่มตัวอย่าง6. เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลโครงการ
7. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์และประมวลผลของโครงการ
1. เตรียมวัสดุและอุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูล          วัสดุและอุปกรณ์ในการสร้างตุ๊กตา
          1. ปูนปลาสเตอร์          2. แม่พิมพ์ยางพารา
          3. สีน้ำ
          4. พู่กัน
          5. ถังน้ำ
          6. คัดเตอร์
          อุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดเก็บและบันทึกข้อมูล1. โทรศัพท์มือถือ (สมาร์ทโฟน)
          2. เมมโมรี่การ์ด
          3. คอมพิวเตอร์ (PC)
        

2. วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์3. วิธีการระบายสีตุ๊กตากุมารทอง4. วิธีการพัฒนา Infographic จากการใช้ Web blog ของ Google
5. ประชาการและกลุ่มตัวอย่าง          ประชากร คือ นักศึกษาที่ละทะเบียนเรียนในรายวิชา การจัดการระบบสารสนเทศเพื่อการพัฒนา รหัสวิชา PA 02123 ในภาคเรียนที่ 1/2559 จำนวน 38 คน
          กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มตัวอย่างที่เป็นสมาชิกในกลุ่มทั้งหมด จำนวน 4 คน ชื่อกลุ่มตัวอย่างแบบตุ๊กตากุมารทอง  โดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบจับฉลากเลือกสมาชิกของแต่ละกลุ่ม
6. เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลโครงการ          วิธีการประเมินผลโครงการพัฒนา Infographic
ใช้รูปแบบการประเมินโครงการ CIPP MODEL ของสตัฟเฟลบีม ( D.L. Stufflebeam, 1997,
P. 261-265) ดังนี้

แบบประเมินโครงการ
          แบบประเมินโครงการพัฒนา Infographic เรื่อง วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์ มีจำนวน.......................ฉบับ โดยใช้แบบประเมิน CIPP MODEL มี 2 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 สถานะสถาพผู้ตอบแบบประเมิน โดยมีรายละเอียด คือ เพศ  สาขาวิชา  ระดับชั้นและตำแหน่ง
          ตอนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจ โดยใช้แบบประเมิน CIPP MODEL มี 4 ด้าน จำนวน 20 ข้อ ดังนี้
1. ด้านบริบทของโครงการ (Context Evaluation: C) จำนวน 5 ข้อ ตามเกณฑ์มาตรฐาน 5 ระดับ
2. ด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation: I) จำนวน 5 ข้อ ตามเกณฑ์มาตรฐาน 5 ระดับ
3. ด้านกระบวนการ (Process Evaluation: P) จำนวน 5 ข้อ ตามเกณฑ์มาตรฐาน 5 ระดับ
4. ด้านผลผลิต (Product Evaluation: P) จำนวน 5 ข้อ ตามเกณฑ์มาตรฐาน 5 ระดับ
การจัดทำและการศึกษาประสิทธิภาพของเครื่องมือ ที่ใช้ในการประเมินผลโครงการ

และได้นำแบบประเมินโครงการพัฒนา Infographic เรื่อง วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์ไปให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรมโดยใช้ IOC ผลการประเมินพบว่ามีความสอดคล้องกับวัถุประสงค์ทั้ง 4 ด้าน และนำแบบประเมินโครงการไปใช้กับผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนา Infographic เรื่อง วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างดำเนินโครงการ จำนวน  10 คน แล้วนำมาหาค่าความเที่ยงโดยใช้ สัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha) ของครอนบัค (Cronbach)
ได้ค่าความเที่ยงมากกว่า 0.80 ขึ้นไป

7. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์และประมวลผลของโครงการ
การวิเคราะห์ผลการประเมินโครงการ
1.      วิเคราะห์ผลการประเมินโครงการ โดยใช้  S.D. และเปรียบเทียบกับเกณฑ์เฉลี่ย

สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1.      ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถาม กับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรม โดยนำ
เครื่องมือที่สร้างขึ้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาแต่ละคน พิจารณาลงความเห็นและให้คะแนน ดังนี้
+ 1 เมื่อแน่ใจว่าข้อคำถามนั้น เป็นตัวแทนลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรมนั้น
   0 เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อคำถามนั้น เป็นตัวแทนลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรมนั้นหรือไม่
+ 1 เมื่อแน่ใจว่าข้อคำถามนั้น ไม่เป็นตัวแทนลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรมนั้น
นำคะแนนที่ได้มาแทนค่าในสูตร ดังนี้
                 IOC  =  
                 IOC  =   ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถาม กับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรม
                 R    =    ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาทั้งหมด
                 N    =    จำนวนผู้เชี่ยวชาญ
          ถ้าค่าดัชนี  IOC  ที่คำนวณได้มากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 ข้อคำถามนั้นก็เป็นตัวแทนลักษณะของกลุ่มพฤติกรรมนั้น  ถ้าข้อคำถามใดที่มีค่าดีชะนีต่ำกว่า 0.5 ข้อคำถามนั้นก็ถูกตัดออกไปปรับปรุงแก้ไขใหม่ให้ดีขึ้น ( พวงรัตน์ ทวีรัตน์, 2538: 117 )

2.     ค่าความเที่ยงของการประเมินโครงการ
ใช้สูตรสัมประสิทธิแอลฟา ( Alpha ) ของคอนบาค ( Cronbach, 1990:204)
                             R2               =     
                                                    =     ผลรวมแปรปรวนของแบบประเมินในแต่ละข้อ
                                             =     ความแปรปรวนของแบบประเมิน
                             K          =      จำนวนข้อทั้งหมดในแบบประเมิน
          3.   ค่าเฉลี่ย
                ใช้สูตร            =        ƒx
                =        ค่าเฉลี่ย
                             ƒx    =        ผลรวมของความถี่ของคะแนนทั้งหมด
                                   =        จำนวนผู้ประเมินทั้งหมด
          4.  ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
               ใช้สูตร       S.D.     =       
                             S.D.     =        ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
                                =        ผลรวมของกำลังสองของคะแนน
                                        =        ผลรวมของคะแนนทั้งหมด  ยกกำลังสอง
                                    =        จำนวนคนในกลุ่มตัวอย่าง
5. เกณฑ์เฉลี่ยการประเมินผลโครงการที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 5 ระดับ
คะแนนเฉลี่ย     4.51-5.00   หมายถึง  มีการดำเนินการในระดับมากที่สุด
คะแนนเฉลี่ย     3.51-4.50   หมายถึง  มีการดำเนินการในระดับมาก
คะแนนเฉลี่ย     2.51-3.50   หมายถึง  มีการดำเนินการในระดับปานกลาง
คะแนนเฉลี่ย     1.51-2.50   หมายถึง  มีการดำเนินการในระดับน้อย
คะแนนเฉลี่ย     1.00-1.50   หมายถึง  มีการดำเนินการในระดับน้อยที่สุด

คณะผู้จัดทำ



การพัฒนา Infographic เรื่อง วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์

  คณะผู้จัดทำ
      1.  นางสาวกัญญารัตน์  ใต้คีรี        BC5821010044
                          2.  นางสาวปรียานันท์ สังข์ศรี        BC5821010018
                          3.  นางสาววิภาดา ม่วงคำ              BC5821010032
                          4.  นายวีรศักดิ์  พิมพ์ทนต์             BC5821010047



เสนอ
อาจารย์ทศพรสวรรค์  แจ้งธีรศิลป์





รายวิชา การจัดการระบบสารสนเทศเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น:
รหัสวิชา PA 02123 ประจำปีการศึกษา 1/2559

มหาวิทยาลัยพิษณุโลก

บทที่ 2

บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

โครงการพัฒนา Infographic เรื่อง วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. การพัฒนา Infographic
                2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง 
3. การเรียนรู้นอกห้องเรียน
                4. การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี 
5. สิ่งประดิษฐ์
6. การหล่อแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์
7. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

1. การพัฒนา Infographic
          การนำข้อมูลหรือความรู้มาสรุปเป็นสารสนเทศในลักษณะของข้อมูลและกราฟิกที่อาจเป็นลายเส้น สัญลักษณ์ กราฟ แผนภูมิ ไดอะแกรม แผนที่ ฯลฯ ที่ออกแบบเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว เข้าใจง่ายในเวลารวดเร็วและชัดเจนอินโฟกราฟิกแอนิเมชัน (infographic animation) หมายถึง การออกแบบภาพ ในรูปแบบเคลื่อนไหว ดูแล้วเข้าใจง่ายในเวลารวดเร็ว และชัดเจน สามารถสื่อให้ผู้ชมเข้าใจ ความหมาย ของข้อมูล
แหล่งที่มา: https://prezi.com/mk35v2cpxriw/infographics/

2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง 
บุคคลที่เรียนรู้ด้วยการริเริ่มของตนจะเรียนได้มากกว่า ดีกว่าบุคคลที่เป็นเพียงผู้รับหรือรอให้ผู้สอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ บุคคลที่เรียนรู้ด้วยตนเอง จะเรียนอย่างตั้งใจ มีจุดมุ่งหมายและมีแรงจูงใจสูง สามารถใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ได้ดีกว่า และยาวนานกว่าบุคคลที่รอรับการสอนแต่อย่างเดียว

3. การเรียนรู้นอกห้องเรียน
                กิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นกิจกรรมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสสัมผัสกับแหล่งเรียนรู้จริง และยังเป็นโอกาสที่อาจารย์และนักศึกษาได้ทำกิจกรรมร่วมกันนอกมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเที่ยวปิดท้าย จะเป็นการพักแรมเป็นเวลา 1 คืน ในการเดินทางเพื่อเรียนรู้นอกห้องเรียนทุกครั้ง จะแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มละ 10-15 คน ประกอบกับการเตรียมการล่วงหน้า ทำให้การทำกิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นักศึกษาเกือบไม่ต้องเดินเรียงแถวหรือยืนรอนานซึ่งทำให้เสียบรรยากาศและโอกาสเรียนรู้  อาจารย์แต่ละกลุ่มจะมีข้อมูลและมีความพร้อมในการดูแลนักเรียนเพื่อการเรียนรู้ดังกล่าว
แหล่งที่มา: http://attaphiwat.ac.th/book/export/html/55

4. การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี
                เป็นการทำนุบำรุงสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นเป็นสิ่งที่นักศึกษาควรตระหนักและปฏิบัติ ในกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาปัจจุบันสภาพสังคมไทยส่วนใหญ่จะเป็นสังคมครอบครัวเดียว เป็นเหตุให้การถ่ายทอดขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมไทยอันดีงามจากรุ่นสู่รุ่นบกพร่องขาดหายไป คณะพยาบาลศาสตร์จึงดำริให้มีการถ่ายทอดวัฒนธรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้นักศึกษาได้ตระหนักการมีกิริยามารยาทที่ดีงาม มีความซื่อสัตย์ มีวินัยในตนเองตลอดจนความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ของวิชาชีพ โดยเฉพาะวิชาชีพพยาบาล ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมมารยาทไทย เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในความเป็นวิชาชีพสำหรับนักศึกษา

5. สิ่งประดิษฐ์
นวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะกระด้วยความฉลาดหรือบังเอิญ แล้วผู้ที่ประดิษฐ์สิ่งของ เรามักจะเรียกว่านักประดิษฐ์ (inventor) สิ่งประดิษฐ์คือสิ่งของต่างๆที่เกิดจากความต้องการของมนุษย์เพื่อนใช้ในการแสวงหาประโยชน์ หรือ อำนวยความสะดวกสบายต่าง

6. การหล่อแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์
การทำพิมพ์สำหรับหล่อปูนปลาสเตอร์ มี 2 ส่วนด้วยกันคือ
1. พิมพ์ใน (สำหรับหล่อ ตัวตุ๊กตา เป็นชิ้นงานที่ต้องการ)
2. พิมพ์นอก (สำหรับพยุง ตัวพิมพ์ใน ให้ได้รูปลักษณ์และให้อยู่ในสถานะที่เป็นมาตรฐาน คือ ตั้งตรง ไม่เอนซ้าย เอนขวา เบี้ยวไป บูดมา ขณะที่รอแห้ง) อุปกรณ์ที่ใช้ทำพิมพ์ มีดังนี้
 1. หุ่น (ก็ตุ๊กตา ตัวที่จะมาเป็นต้นแบบ)
 2. ยางพารา หรือ ซิลิโคน +น้ำยาตัวเร่ง (ถ้าใช้ซิลิโคน จะได้พิมพ์ที่เหนียวทนทานกว่า ยางพารามันเปลื่อยง่าย)
3. ดินน้ำมัน
4. พู่กัน เก่าๆ การทำพิมพ์ใน ระบายยางพาราไปตามตัวหุ่นโดยเก็บรายละเอียดให้ทั่วและให้มีความหนาพอสมควร เว้นฐานตั้ง ไว้เป็นช่องเทปูน แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
การทำพิมพ์นอก
1. ก่อดินน้ำมันบนแผ่นพลาสติก หรือกระดาษแข็งที่ปูรองพื้นไว้ ให้มีลักษณะเป็นบ่อล้อม ตัวหุ่น กะให้มีรัศมีห่างจากตัวหุ่น ประมาณ 2 cm และสูงประมาณเท่าตัวหุ่น
 2. นำหุ่นที่ระบายยางพาราเป็นพิมพ์ใน ที่แห้งสนิทแล้วมาติดดินน้ำมัน ให้เป็นสันสูง 2cm แบ่งครึ่งซ้าย-ขวา ให้ยาวต่อเนื่องตลอดตัว
 3. นำผลจากข้อ 2 ไปวางในบ่อ ข้อ1 ให้ได้กึ่งกลาง และผสมปูนในสัดส่วนที่พอเหมาะเทลงไปในบ่อให้ล้อมรอบเต็มตัวหุ่น แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
แหล่งที่มา: https://jarasdown.wordpress.com/
7. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
   การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่อง การใช้โปรแกรม Adobe Captivate เพื่อการฝึกอบรมครู การวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการใช้โปรแกรม Adobe Captivate เพื่อกรฝึกอบรมครู ให้มีประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ 85/85 2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลทางการฝึกอบรมของครูผู้เข้ารับการอบรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3) ศึกษาความพึงพอใจของครูผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ครูโรงเรียนสุเหร่าทรายกองดิน จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องการใช้โปรแกรม Adobe Captivate เพื่อการฝึกอบรมครู แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านเทคนิค แบบทดสอบก่อนการฝึกอบรมและหลังการฝึกอบรม รวม 30 ข้อ จำนวน 4 ตัวเลือก และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) และค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ผลการวิจัยพบว่า 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.60/88.00 2) ค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.74 3) ความพึงพอใจของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด สรุปได้ว่าบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่พัฒนาขึ้นมานี้ สามารถนำไปใช้เพื่อการฝึกอบรมครู ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยได้แก่ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ควรจะนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวในรูปแบบมัลติมีเดีย ทั้งนี้เพื่อเร้าให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกิดจากการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น คำสำคัญ: คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประสิทธิภาพดัชนี ประสิทธิผลความพึงพอใจ โปรแกรม Adobe Captivate (กวินท์ นนทรีกาญจน์. 2558 สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559 แหล่งที่มา http://www.kroobannok.com
การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องเครื่องดนตรีไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนจากการเรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) ที่กำลังศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 จ านวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 3) แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย t-test (dependent) ผลการวิจัยพบว่า 1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์วิชาภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความมีประสิทธิภาพ 83.18/82.74 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 2) ผลการเรียนรู้ของนักเรียนมีผลการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ อยู่ในระดับมากที่สุด  x = 4.54, S.D = 0.66 (ศิริพร บุญเรือง. 2013 สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559 แหล่งที่มา http://www.ejournal.su.ac.th/upload/548.pdf
การพัฒนาบทเรียนบทเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม จุดมุ่งหมาย 1. เพื่อพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 2. เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 3. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ นักเรียนระดับชั้น ปวช.1 แผนกวิชาช่างสำรวจ คณะวิชาการก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2545 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรายวิชาเพื่อพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 2) แบบประเมินคุณภาพบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรมสำหรับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า การวิเคราะห์ข้อมูล 1) การวิเคราะห์คุณภาพบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยหาค่าเฉลี่ย (mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standarad Deviation) 2) การทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยหาค่าสูตรจาก (E1/E2) 3) การวิเคราะห์ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยหาค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standarad Deviation) ผลการศึกษาค้นคว้า ได้บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยรวมเท่ากับ 83.33/85.56 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด (80/80) ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม อยู่ในระดับความเหมาะสมมาก (สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559 แหล่งที่มา http://www.kroobannok.com/board_view.php?



บทที่ 1

บทที่ 1
บทนำ

การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง ได้รวบรวมความเป็นมาของปัญหา วัตถุประสงค์ ขอบเขตของโครงงาน และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ มีดังนี้
1.1  ความเป็นมาของปัญหา
1.2  วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.3  ขอบเขตของโครงงาน
1.4  ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.1  ความเป็นมาของปัญหา
ยางพาราเป็นไม้ต้นผลัดใบ มีน้ำยางสีขาว ใบอ่อนสีออกม่วงแดงเป็นมัน เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนส้ม หรือแดง ใบเรียงเวียน ใบประกอบแบบนิ้วมือ มีใบย่อย 5-7 ใบ รูปรีแกมรูปใบหอก หนาเหมือนแผ่นหนัง ดอกสีขาวปนเหลือง มีกลิ่นหอม ผลแห้งแตกขนาดใหญ่ รูปทรงกลม มี 3 เมล็ด เมื่อแก่เต็มที่ ผนังผลแตกดีดเมล็ดแรง กระเด็นไปไกล  ยางพาราเป็นไม้ต้นในวงศ์เดียวกับมันสำปะหลัง ละหุ่ง โกสน เปล้าน้อย โป๊ยเซียน และชวนชม มีท่อน้ำยางในเปลือกไม้ เมื่อกรีดเปลือกเป็นรอยเฉียงให้น้ำยางไหลลงในภาชนะที่รองรับ แล้วเก็บน้ำยางมาแล้วเติมกรดน้ำส้ม (น้ำส้มสายชู) หรือกรดฟอร์มิก (formic acid) เพื่อให้น้ำยางจับตัว จากนั้นจึงเทลงพิมพ์ให้เป็นยางแผ่นเพื่อจำหน่าย ยางพารามีประโยชน์หลากหลาย ตั้งแต่ใช้ทำลูกบอลสำหรับเล่นกีฬา ยางรถยนต์ ยางรัดของ ยางลบ รองเท้าฟองน้ำ ฯลฯ
การทำพิมพ์ยางพารา  จะทำจากน้ำยางพาราเป็นยางที่ได้มาจากธรรมชาติและมีการผสมสารเคมีกันแข็งตัว เพื่อให้เหมาะแก่การนำมาใช้งาน และต้องผ่านขั้นตอนที่หลายขั้นตอนกว่าจะมาเป็นยางที่เรานำมาใช้งานได้  ยางพาราที่ทำพิมพ์จะมีการแห้งตัวโดยอากาศในอุณหภูมิห้อง ไม่ต้องใช้ตัวเร่งในการทำให้แห้ง แต่ต้องใช้บาง ๆ ในแต่ละครั้งเพื่อให้เกิดการระเหยตัวของสารระเหยที่ผสมอยู่ แต่ก็มีบางโรงงานใช้สารเร่งเพื่อให้เกิดการแห้งตัวได้ในกรณีที่ต้องการหล่อให้หนาในครั้งเดียว  ยางพาราเมื่อแห้งตัวแล้ว จะยืดหยุ่นได้ดี แต่อาจเสียรูปทรงได้ง่าย เหมาะสำหรับงานที่ไม่เน้นรายละเอียดและรูปทรงมากนัก เช่น ตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ ตุ๊กตาซีเมนต์ หรือเป็นแม่พิมพ์หล่อปูนได้ แต่ไม่คงทนจะมีการเสียรูปทรงง่าย กรณีที่จะต้องทำเป็นจำนวนมาก ๆ ไม่แนะนำเพราะจะต้องเสียเวลาในการทำแม่พิมพ์ขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ข้อดีคือมีราคาถูกมาก
การสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราก็เป็นการอนุรักษ์ผลงานด้านศิลปะอีกด้านหนึ่ง คณะผู้จัดทำจึงพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง เพื่อเผยแพร่ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา และเป็นแบบอย่างให้หันมาช่วยกันสร้างผลงาน เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุที่มีอยู่รอบตัว



1.2  วัตถุประสงค์ของการศึกษา
2.1  เพื่อการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
2.2  เพื่อศึกษาความพึงพอใจการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
2.3  เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
1.3  ขอบเขตของโครงงาน
การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง ได้กำหนดขอบเขตของโครงงานไว้ 5 ด้านใหญ่ๆ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. ด้านการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน
1) เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล
- กล้อง/วีดีโอบันทึกข้อมูล
- แบบสอบถามวัดผลสัมฤทธิ์การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
- แบบสอบถามความพึงพอใจการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
2) การรวบรวมข้อมูล
- คณะผู้วิจัยได้ดำเนินงานโดยการลงพื้นที่เก็บข้อมูลในวันที่ 2 เมษายน 2559 ถึง   พฤษภาคม 2559
- คณะผู้วิจัยได้ทำการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย
- คณะผู้วิจัยดำเนินการขออนุเคราะห์จากอาจารย์ประจำวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจเพื่อการพัฒนาชุมชุนและสังคม คือ อาจารย์ทศพรสวรรค์   แจ้งธีรศิลป์  ในภาคเรียนที่ 3/2558  จำนวน 30 กลุ่ม รวม  60  คน เพื่อใช้ในการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัย
2. ด้านการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
1) โปรแกรมและภาษาที่ใช้พัฒนา
- Camtasia Studio 8
                   - Photoshop cs4
2) คอมพิวเตอร์ที่ใช้พัฒนา ระบุ Spec ของ Computer มา
2.1   CPU Inter® Core™ i3-2310M
2.2   Ram 4 GB DDR3
2.3   Hard Disk 1 TB



3) ด้านความต้องการของระบบการพัฒนาระบบสารสนเทศ
3.1  ผู้ดูแลระบบ/Admin
3.1.1  สามารถปรับปรุงสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
3.1.2  สามารถปรับปรุงแก้ไขการประเมิน
3.1.3  สามารถลบข้อมูลผู้ประเมิน
3.1.4  สามารถปรับปรุงข้อมูลแสดงความคิดเห็นได้
3.2  บุคคลทั่วไป/User
3.2.1  สามารถเรียนรู้สื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
3.2.2  สามารถประเมินผลการเรียนรู้ได้
3.2.3  สามารถ Download การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทองได้
3.2.4  สามารถแสดงความคิดเห็นได้
3. ด้านการทดสอบระหว่างการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
1. ประชากร คือ นักศึกษาสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ที่ทำการศึกษาในรายวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรม และมีอาจารย์ประจำวิชาเป็น อาจารย์ทศพรสวรรค์  แจ้งธีรศิลป์ ภาคเรียนที่ 3/2558  จำนวน 30  กลุ่ม  60  คน
2. กลุ่มตัวอย่าง  คือ นักศึกษาสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ที่  ทำการศึกษารายวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรมและมีอาจารย์ประจำวิชาเป็น อาจารย์ทศพรสวรรค์  แจ้งธีรศิลป์  ภาคเรียนที่ 3/2558  จำนวน 30  กลุ่ม  60  คนโดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ  กลุ่มควบคุม(Efficiency: E1) จำนวน 30  คน กลุ่มทดลอง(Efficiency: E2) จำนวน 30 คน
3. ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรต้น คือ การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์และความพึงพอใจการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
4. ด้านการศึกษาผลสัมฤทธิ์การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง หาค่า IOC คือ ค่าความเที่ยงตรงของแบบประเมินจากการให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างน้อย 3 ท่าน
- จากสาขาด้านคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ
- จากสาขาการศึกษาภายนอกหน่วยงาน
- จากสาขาการทดลองและวิจัยหรือที่เกี่ยวข้อง
5. ด้านการหาความพึงพอใจสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
หาค่าความพึงพอใจ เป็นค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผู้สื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการสร้างแม่พิมพ์ด้วยยางพาราสำหรับแบบกุมารทอง
3. เพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจ ให้กับประชาชน

4. เพื่อเป็นการอนุรักษ์ศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรม