วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

บทที่ 2

บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

โครงการพัฒนา Infographic เรื่อง วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. การพัฒนา Infographic
                2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง 
3. การเรียนรู้นอกห้องเรียน
                4. การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี 
5. สิ่งประดิษฐ์
6. การหล่อแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์
7. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

1. การพัฒนา Infographic
          การนำข้อมูลหรือความรู้มาสรุปเป็นสารสนเทศในลักษณะของข้อมูลและกราฟิกที่อาจเป็นลายเส้น สัญลักษณ์ กราฟ แผนภูมิ ไดอะแกรม แผนที่ ฯลฯ ที่ออกแบบเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว เข้าใจง่ายในเวลารวดเร็วและชัดเจนอินโฟกราฟิกแอนิเมชัน (infographic animation) หมายถึง การออกแบบภาพ ในรูปแบบเคลื่อนไหว ดูแล้วเข้าใจง่ายในเวลารวดเร็ว และชัดเจน สามารถสื่อให้ผู้ชมเข้าใจ ความหมาย ของข้อมูล
แหล่งที่มา: https://prezi.com/mk35v2cpxriw/infographics/

2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง 
บุคคลที่เรียนรู้ด้วยการริเริ่มของตนจะเรียนได้มากกว่า ดีกว่าบุคคลที่เป็นเพียงผู้รับหรือรอให้ผู้สอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ บุคคลที่เรียนรู้ด้วยตนเอง จะเรียนอย่างตั้งใจ มีจุดมุ่งหมายและมีแรงจูงใจสูง สามารถใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ได้ดีกว่า และยาวนานกว่าบุคคลที่รอรับการสอนแต่อย่างเดียว

3. การเรียนรู้นอกห้องเรียน
                กิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นกิจกรรมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสสัมผัสกับแหล่งเรียนรู้จริง และยังเป็นโอกาสที่อาจารย์และนักศึกษาได้ทำกิจกรรมร่วมกันนอกมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเที่ยวปิดท้าย จะเป็นการพักแรมเป็นเวลา 1 คืน ในการเดินทางเพื่อเรียนรู้นอกห้องเรียนทุกครั้ง จะแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มละ 10-15 คน ประกอบกับการเตรียมการล่วงหน้า ทำให้การทำกิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นักศึกษาเกือบไม่ต้องเดินเรียงแถวหรือยืนรอนานซึ่งทำให้เสียบรรยากาศและโอกาสเรียนรู้  อาจารย์แต่ละกลุ่มจะมีข้อมูลและมีความพร้อมในการดูแลนักเรียนเพื่อการเรียนรู้ดังกล่าว
แหล่งที่มา: http://attaphiwat.ac.th/book/export/html/55

4. การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี
                เป็นการทำนุบำรุงสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นเป็นสิ่งที่นักศึกษาควรตระหนักและปฏิบัติ ในกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาปัจจุบันสภาพสังคมไทยส่วนใหญ่จะเป็นสังคมครอบครัวเดียว เป็นเหตุให้การถ่ายทอดขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมไทยอันดีงามจากรุ่นสู่รุ่นบกพร่องขาดหายไป คณะพยาบาลศาสตร์จึงดำริให้มีการถ่ายทอดวัฒนธรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้นักศึกษาได้ตระหนักการมีกิริยามารยาทที่ดีงาม มีความซื่อสัตย์ มีวินัยในตนเองตลอดจนความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ของวิชาชีพ โดยเฉพาะวิชาชีพพยาบาล ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมมารยาทไทย เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในความเป็นวิชาชีพสำหรับนักศึกษา

5. สิ่งประดิษฐ์
นวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะกระด้วยความฉลาดหรือบังเอิญ แล้วผู้ที่ประดิษฐ์สิ่งของ เรามักจะเรียกว่านักประดิษฐ์ (inventor) สิ่งประดิษฐ์คือสิ่งของต่างๆที่เกิดจากความต้องการของมนุษย์เพื่อนใช้ในการแสวงหาประโยชน์ หรือ อำนวยความสะดวกสบายต่าง

6. การหล่อแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์
การทำพิมพ์สำหรับหล่อปูนปลาสเตอร์ มี 2 ส่วนด้วยกันคือ
1. พิมพ์ใน (สำหรับหล่อ ตัวตุ๊กตา เป็นชิ้นงานที่ต้องการ)
2. พิมพ์นอก (สำหรับพยุง ตัวพิมพ์ใน ให้ได้รูปลักษณ์และให้อยู่ในสถานะที่เป็นมาตรฐาน คือ ตั้งตรง ไม่เอนซ้าย เอนขวา เบี้ยวไป บูดมา ขณะที่รอแห้ง) อุปกรณ์ที่ใช้ทำพิมพ์ มีดังนี้
 1. หุ่น (ก็ตุ๊กตา ตัวที่จะมาเป็นต้นแบบ)
 2. ยางพารา หรือ ซิลิโคน +น้ำยาตัวเร่ง (ถ้าใช้ซิลิโคน จะได้พิมพ์ที่เหนียวทนทานกว่า ยางพารามันเปลื่อยง่าย)
3. ดินน้ำมัน
4. พู่กัน เก่าๆ การทำพิมพ์ใน ระบายยางพาราไปตามตัวหุ่นโดยเก็บรายละเอียดให้ทั่วและให้มีความหนาพอสมควร เว้นฐานตั้ง ไว้เป็นช่องเทปูน แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
การทำพิมพ์นอก
1. ก่อดินน้ำมันบนแผ่นพลาสติก หรือกระดาษแข็งที่ปูรองพื้นไว้ ให้มีลักษณะเป็นบ่อล้อม ตัวหุ่น กะให้มีรัศมีห่างจากตัวหุ่น ประมาณ 2 cm และสูงประมาณเท่าตัวหุ่น
 2. นำหุ่นที่ระบายยางพาราเป็นพิมพ์ใน ที่แห้งสนิทแล้วมาติดดินน้ำมัน ให้เป็นสันสูง 2cm แบ่งครึ่งซ้าย-ขวา ให้ยาวต่อเนื่องตลอดตัว
 3. นำผลจากข้อ 2 ไปวางในบ่อ ข้อ1 ให้ได้กึ่งกลาง และผสมปูนในสัดส่วนที่พอเหมาะเทลงไปในบ่อให้ล้อมรอบเต็มตัวหุ่น แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
แหล่งที่มา: https://jarasdown.wordpress.com/
7. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
   การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่อง การใช้โปรแกรม Adobe Captivate เพื่อการฝึกอบรมครู การวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการใช้โปรแกรม Adobe Captivate เพื่อกรฝึกอบรมครู ให้มีประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ 85/85 2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลทางการฝึกอบรมของครูผู้เข้ารับการอบรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3) ศึกษาความพึงพอใจของครูผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ครูโรงเรียนสุเหร่าทรายกองดิน จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องการใช้โปรแกรม Adobe Captivate เพื่อการฝึกอบรมครู แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านเทคนิค แบบทดสอบก่อนการฝึกอบรมและหลังการฝึกอบรม รวม 30 ข้อ จำนวน 4 ตัวเลือก และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) และค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ผลการวิจัยพบว่า 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.60/88.00 2) ค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.74 3) ความพึงพอใจของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด สรุปได้ว่าบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่พัฒนาขึ้นมานี้ สามารถนำไปใช้เพื่อการฝึกอบรมครู ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยได้แก่ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ควรจะนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวในรูปแบบมัลติมีเดีย ทั้งนี้เพื่อเร้าให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกิดจากการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น คำสำคัญ: คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประสิทธิภาพดัชนี ประสิทธิผลความพึงพอใจ โปรแกรม Adobe Captivate (กวินท์ นนทรีกาญจน์. 2558 สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559 แหล่งที่มา http://www.kroobannok.com
การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องเครื่องดนตรีไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนจากการเรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) ที่กำลังศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 จ านวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 3) แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย t-test (dependent) ผลการวิจัยพบว่า 1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์วิชาภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความมีประสิทธิภาพ 83.18/82.74 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 2) ผลการเรียนรู้ของนักเรียนมีผลการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ อยู่ในระดับมากที่สุด  x = 4.54, S.D = 0.66 (ศิริพร บุญเรือง. 2013 สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559 แหล่งที่มา http://www.ejournal.su.ac.th/upload/548.pdf
การพัฒนาบทเรียนบทเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม จุดมุ่งหมาย 1. เพื่อพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 2. เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 3. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ นักเรียนระดับชั้น ปวช.1 แผนกวิชาช่างสำรวจ คณะวิชาการก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2545 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรายวิชาเพื่อพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 2) แบบประเมินคุณภาพบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรมสำหรับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า การวิเคราะห์ข้อมูล 1) การวิเคราะห์คุณภาพบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยหาค่าเฉลี่ย (mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standarad Deviation) 2) การทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยหาค่าสูตรจาก (E1/E2) 3) การวิเคราะห์ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยหาค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standarad Deviation) ผลการศึกษาค้นคว้า ได้บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยรวมเท่ากับ 83.33/85.56 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด (80/80) ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม อยู่ในระดับความเหมาะสมมาก (สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559 แหล่งที่มา http://www.kroobannok.com/board_view.php?



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น