บทที่
2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
โครงการพัฒนา Infographic เรื่อง
วิธีการหล่อตุ๊กตากุมารทองจากแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. การพัฒนา Infographic
2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง
3. การเรียนรู้นอกห้องเรียน
4. การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม
ประเพณี
5. สิ่งประดิษฐ์
6. การหล่อแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์
7. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1. การพัฒนา Infographic
การนำข้อมูลหรือความรู้มาสรุปเป็นสารสนเทศในลักษณะของข้อมูลและกราฟิกที่อาจเป็นลายเส้น
สัญลักษณ์ กราฟ แผนภูมิ ไดอะแกรม แผนที่ ฯลฯ ที่ออกแบบเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว
เข้าใจง่ายในเวลารวดเร็วและชัดเจนอินโฟกราฟิกแอนิเมชัน (infographic animation) หมายถึง การออกแบบภาพ
ในรูปแบบเคลื่อนไหว ดูแล้วเข้าใจง่ายในเวลารวดเร็ว และชัดเจน สามารถสื่อให้ผู้ชมเข้าใจ
ความหมาย ของข้อมูล
2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง
บุคคลที่เรียนรู้ด้วยการริเริ่มของตนจะเรียนได้มากกว่า
ดีกว่าบุคคลที่เป็นเพียงผู้รับหรือรอให้ผู้สอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ บุคคลที่เรียนรู้ด้วยตนเอง
จะเรียนอย่างตั้งใจ มีจุดมุ่งหมายและมีแรงจูงใจสูง สามารถใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ได้ดีกว่า
และยาวนานกว่าบุคคลที่รอรับการสอนแต่อย่างเดียว
3. การเรียนรู้นอกห้องเรียน
กิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นกิจกรรมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัย
เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสสัมผัสกับแหล่งเรียนรู้จริง และยังเป็นโอกาสที่อาจารย์และนักศึกษาได้ทำกิจกรรมร่วมกันนอกมหาวิทยาลัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเที่ยวปิดท้าย จะเป็นการพักแรมเป็นเวลา 1 คืน ในการเดินทางเพื่อเรียนรู้นอกห้องเรียนทุกครั้ง
จะแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มละ 10-15 คน ประกอบกับการเตรียมการล่วงหน้า ทำให้การทำกิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นักศึกษาเกือบไม่ต้องเดินเรียงแถวหรือยืนรอนานซึ่งทำให้เสียบรรยากาศและโอกาสเรียนรู้
อาจารย์แต่ละกลุ่มจะมีข้อมูลและมีความพร้อมในการดูแลนักเรียนเพื่อการเรียนรู้ดังกล่าว
4. การทำนุบำรุงศาสนา
ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี
เป็นการทำนุบำรุงสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นเป็นสิ่งที่นักศึกษาควรตระหนักและปฏิบัติ
ในกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาปัจจุบันสภาพสังคมไทยส่วนใหญ่จะเป็นสังคมครอบครัวเดียว
เป็นเหตุให้การถ่ายทอดขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมไทยอันดีงามจากรุ่นสู่รุ่นบกพร่องขาดหายไป
คณะพยาบาลศาสตร์จึงดำริให้มีการถ่ายทอดวัฒนธรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้นักศึกษาได้ตระหนักการมีกิริยามารยาทที่ดีงาม
มีความซื่อสัตย์ มีวินัยในตนเองตลอดจนความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ของวิชาชีพ โดยเฉพาะวิชาชีพพยาบาล ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมมารยาทไทย
เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในความเป็นวิชาชีพสำหรับนักศึกษา
5. สิ่งประดิษฐ์
นวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะกระด้วยความฉลาดหรือบังเอิญ
แล้วผู้ที่ประดิษฐ์สิ่งของ เรามักจะเรียกว่านักประดิษฐ์ (inventor) สิ่งประดิษฐ์คือสิ่งของต่างๆที่เกิดจากความต้องการของมนุษย์เพื่อนใช้ในการแสวงหาประโยชน์
หรือ อำนวยความสะดวกสบายต่าง
6. การหล่อแม่พิมพ์ยางพาราด้วยปูนปลาสเตอร์
การทำพิมพ์สำหรับหล่อปูนปลาสเตอร์
มี 2 ส่วนด้วยกันคือ
1.
พิมพ์ใน (สำหรับหล่อ ตัวตุ๊กตา เป็นชิ้นงานที่ต้องการ)
2.
พิมพ์นอก (สำหรับพยุง ตัวพิมพ์ใน ให้ได้รูปลักษณ์และให้อยู่ในสถานะที่เป็นมาตรฐาน คือ
ตั้งตรง ไม่เอนซ้าย เอนขวา เบี้ยวไป บูดมา ขณะที่รอแห้ง) อุปกรณ์ที่ใช้ทำพิมพ์ มีดังนี้
1. หุ่น (ก็ตุ๊กตา ตัวที่จะมาเป็นต้นแบบ)
2. ยางพารา หรือ ซิลิโคน +น้ำยาตัวเร่ง (ถ้าใช้ซิลิโคน
จะได้พิมพ์ที่เหนียวทนทานกว่า ยางพารามันเปลื่อยง่าย)
3.
ดินน้ำมัน
4.
พู่กัน เก่าๆ การทำพิมพ์ใน ระบายยางพาราไปตามตัวหุ่นโดยเก็บรายละเอียดให้ทั่วและให้มีความหนาพอสมควร
เว้นฐานตั้ง ไว้เป็นช่องเทปูน แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
การทำพิมพ์นอก
1.
ก่อดินน้ำมันบนแผ่นพลาสติก หรือกระดาษแข็งที่ปูรองพื้นไว้ ให้มีลักษณะเป็นบ่อล้อม ตัวหุ่น
กะให้มีรัศมีห่างจากตัวหุ่น ประมาณ 2 cm และสูงประมาณเท่าตัวหุ่น
2. นำหุ่นที่ระบายยางพาราเป็นพิมพ์ใน ที่แห้งสนิทแล้วมาติดดินน้ำมัน
ให้เป็นสันสูง 2cm แบ่งครึ่งซ้าย-ขวา ให้ยาวต่อเนื่องตลอดตัว
3. นำผลจากข้อ 2 ไปวางในบ่อ ข้อ1 ให้ได้กึ่งกลาง
และผสมปูนในสัดส่วนที่พอเหมาะเทลงไปในบ่อให้ล้อมรอบเต็มตัวหุ่น แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
แหล่งที่มา:
https://jarasdown.wordpress.com/
7. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่อง
การใช้โปรแกรม Adobe
Captivate เพื่อการฝึกอบรมครู การวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการใช้โปรแกรม Adobe
Captivate เพื่อกรฝึกอบรมครู ให้มีประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ 85/85
2)
หาค่าดัชนีประสิทธิผลทางการฝึกอบรมของครูผู้เข้ารับการอบรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
3) ศึกษาความพึงพอใจของครูผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
กลุ่มตัวอย่างได้แก่ครูโรงเรียนสุเหร่าทรายกองดิน จำนวน 20 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องการใช้โปรแกรม Adobe
Captivate เพื่อการฝึกอบรมครู
แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านเทคนิค
แบบทดสอบก่อนการฝึกอบรมและหลังการฝึกอบรม รวม 30 ข้อ จำนวน 4
ตัวเลือก
และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) และค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ผลการวิจัยพบว่า 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.60/88.00
2) ค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.74 3)
ความพึงพอใจของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด สรุปได้ว่าบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ที่พัฒนาขึ้นมานี้ สามารถนำไปใช้เพื่อการฝึกอบรมครู
ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยได้แก่ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ควรจะนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวในรูปแบบมัลติมีเดีย ทั้งนี้เพื่อเร้าให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกิดจากการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
คำสำคัญ: คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประสิทธิภาพดัชนี
ประสิทธิผลความพึงพอใจ โปรแกรม Adobe Captivate (กวินท์ นนทรีกาญจน์. 2558 สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559 แหล่งที่มา http://www.kroobannok.com
การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เรื่องเครื่องดนตรีไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) 2)
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนจากการเรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) 3)
เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการอ่านจับใจความ
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท)
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนวัดดอนหวาย (นครรัฐประสาท) ที่กำลังศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555
จ านวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
3) แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ 5)
แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย t-test (dependent) ผลการวิจัยพบว่า 1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์วิชาภาษาไทย
เรื่องการอ่านจับใจความมีประสิทธิภาพ 83.18/82.74 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
80/80 2)
ผลการเรียนรู้ของนักเรียนมีผลการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการอ่านจับใจความ
อยู่ในระดับมากที่สุด x = 4.54, S.D = 0.66 (ศิริพร บุญเรือง. 2013 สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559
แหล่งที่มา http://www.ejournal.su.ac.th/upload/548.pdf
การพัฒนาบทเรียนบทเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรายวิชา
21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม จุดมุ่งหมาย
1. เพื่อพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512
การระดับ 1 หลักสูตร ปวช.
ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 2. เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร
ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 3. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร
ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
ได้แก่ นักเรียนระดับชั้น ปวช.1 แผนกวิชาช่างสำรวจ
คณะวิชาการก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2545 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่
1)
บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรายวิชาเพื่อพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร
ปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม 2)
แบบประเมินคุณภาพบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตร ปวช.
ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรมสำหรับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช.
ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า การวิเคราะห์ข้อมูล 1) การวิเคราะห์คุณภาพบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512
การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยหาค่าเฉลี่ย (mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standarad Deviation) 2)
การทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม
โดยหาค่าสูตรจาก (E1/E2) 3)
การวิเคราะห์ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช.
ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยหาค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(Standarad Deviation) ผลการศึกษาค้นคว้า
ได้บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช.
ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายวิชา
21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยรวมเท่ากับ 83.33/85.56
เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด (80/80) ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
รายวิชา 21062512 การระดับ 1 หลักสูตรปวช. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม
อยู่ในระดับความเหมาะสมมาก (สืบค้นวันที่ 18 กันยายน 2559
แหล่งที่มา http://www.kroobannok.com/board_view.php?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น